เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเทล (Amstel)
“อัมสเตอร์ดัม” ชื่อนี้มีที่มาอันน่าสนใจ มาจากคำ 2 คำ คือ อัมสเทล แม่นํ้าอัมสเทล บวกกับคำว่า ดัม ที่แปลว่าเขื่อนซึ่งเมื่อรวมความแล้วก็หมายถึง “เขื่อนที่อยู่ริมเเม่นํ้าอัมสเทล” อันมีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ตอนต้นศตวรรษที่ 13
Amsterdam เป็นเมืองที่มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะมีคูคลองล้อมรอบเมืองถึง 4 ชั้น ที่ถูกขุดขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 มีความยาวรวมกันกว่า100 กม.เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรและขนส่งสินค้ารวมถึงเป็นคูเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู มีประตูกันน้ำถึง 16 แห่งด้วยกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเรียกว่า อัมสเตอร์ดัมนี้เป็นเมืองแห่งคลอง
ในอัมสเตอร์ดัม มีจักรยานราว 6-700,000 คัน รถไฟ รถราง รถเมโทร รถเมล์ และการสัญจรทางน้ำ ไลฟ์สไตล์ของคนท้องถิ่นที่นี่ เน้นความเรียบง่าย และค่อนข้างติดดิน มากกว่าความหรูหราฟุ่มเฟือย อย่างที่เราพบเห็นในมหานครอย่าง ลอนดอน หรือ ปารีส ประกอบกับธรรมชาติของชาวดัตช์ มีความเป็นมิตรสูง
การล่องเรือหลังคากระจกเที่ยวชมคลองในอัมสเตอร์ดัม ลัดเลาะล่องไปตามลำคลองน้อยใหญ่ เพื่อชมทัศนียภาพของเมือง ชมตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่ริมคลองอันมีเอกลักษณ์ที่สวยงามแปลกตา ซึ่งบ้านริมคลองเหล่านี้จะมีส่วนหน้าบ้านไม่กว้างมากนัก ตึกใช้อิฐแดงก่อแบบไม่ฉาบปูน ตกแต่งเป็นภาพปูนปั้นเทพเจ้ากรีกอย่างสวยงาม และหน้าจั่วมีไม้ยื่นออกมา เพื่อแขวนลอกไว้ชักลอกสิ่งของเข้าบ้านทางหน้าต่าง เพราะหน้าบ้านแคบและประตูก็เล็ก
เช้าวันนี้ตั้งใจเดินไปเรื่อยๆ และซื้อตั๋วล่องเรือกระจก เริ่มต้นที่สถานี Amsterdam Amstel (ก็เราพักอยู่ตรงนี้) ใช้ตั๋ว GVB นั่ง Tram ไปลงที่ MuseumPlien
Museumplien ก็คล้ายๆกับสนามหลวงบ้านเรา ต่างกันที่ของเขามี museum ใหญ่ๆอยู่รายรอบ เช่น
- Rijkmuseum ซี่งเป็น National Museum
- Van Gogh Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานของแวนโกะห์ไว้มากที่สุด และเห็นถึงพัฒนาการในงานศิลป์ของเขามีภาพวาดสีน้ำมันของแวนโกะห์
- Stedelijk Museum เป็นที่รวบรวมงานศิลปโมเดิร์นอาร์ทและงานดีไซน์ต่างๆ
- Concert-Gebouw หรือ คอนเสิร์ตเคอะบาว สถานที่สำหรับแสดงคอนเสิร์ตต่างๆ แบ่งออกเป็น ฮอลล์ใหญ่ และฮอลล์เล็ก
เดินลอดผ่านอาคาร Rijkmuseum ไปถนนริมคลอง ก็จะมีท่าเรือนำเที่ยวหลายบริษัท เข้าไปซื้อตั๋วและของฝากได้
บนเรือก็จะมีหูฟังบรรยายหลายภาษา มีภาษาไทยด้วย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ เราเลือกเส้นทางที่เรือพาออกไปถึงปากทะเลด้วย
Science Center Nemo
Wester Kerk
The EYE
ขึ้นจากเรือก็ได้เวลาอาหารกลางวัน นั่ง Tram กลับไปที่ย่าน Dam Square หาทานอาหารจานด่วนง่ายๆ Wok to Walk เป็นอาหารจีนจานด่วน จานใหญ่พอสมควร กินได้ 2 คน
หลังจากอิ่มแล้วเดินช็อปตลาดนัด เดินเที่ยวย่าน Dam Square อีก เมื่อวานมาตอนดึกแล้วเกือบเที่ยงคืน วันนี้ดูบรรยากาศตอนกลางวัน
Royal Palace
Royal Palace
Madame Tusso
Magna Plaza ใช้อาคารเก่า ตกแต่งอย่างสวยงาม เก็บค่าเข้าห้องน้ำ 0. 7 ยูโร
บริเวณลานกว้าง Dam Square
National Monument
อนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ เป็นรูปทรงกรวยสขาวสูงประมาณ 70 ฟุต สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1956 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2
ตำรวจหนุ่มรูปหล่อ คอยดูแลความปลอดภัย
สถานีรถไฟกลาง (Centraal Station) ที่นี่เป็นสถานีรถไฟอันสวยงามที่ตั้งอยู่ตรงชายฝั่ง อ่าวไอจ์ (ij) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1889 เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนสซองส์ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิกที่สวยงามและยิ่งใหญ่ ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ ด็อกเตอร์ เกาเปอร์ (Dr. Cuypers) สถานีรถไฟแห่งนี้ใหญ่โตโอฬารสร้างบนเสาเข็มจำนวนถึง8,657 ต้น ที่หน้าตึกจะมีนาฬิกาเรือนใหญ่อยู่ 2เรือน เรือนทางซ้ายบอกทิศทางลม ส่วนเรือนทางขวาบอกเวลา
ดูดีดี มีอะไร เอกลักษณ์ของ Amsterdam??
ข้ามเรือที่เดิมกลับมาฝั่ง Centraal Station หาอาหารเย็น วันนี้เป็น Amsterdam Steak แถวๆหน้าสถานี อิ่มแล้วขึ้นรถไฟกลับโรงแรม วันนี้กลับเร็วหน่อย เดินเยอะเกิ๊น 555 พบกันพรุ่งนี้ที่ Zaanse Schans หมู่บ้านกังหันลม
หลับฝันดีค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น