วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 3 : DAY 1 เดินทางสู่ Amsterdam

ก่อนถึงวันเดินทางหนึ่งวัน ก็ทำการ check in ทาง online ให้เรียบร้อย เพื่อความสะดวกและรวดเร็วตอนที่อยู่สนามบิน เพราะจะมีช่องพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่ check in ทาง online มาแล้ว ในเว็บไซท์ของสายการบินจะเปิดให้ทำการ check in ทาง online ล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 24 ชั่วโมง
เมื่อถึงเคาเตอร์ของสายการบินก็เพียงแต่นำกระเป๋าไปชั่ง ติดแท็ก และโหลด อย่าลืมนะคะไม่เกิน 23 กิโล ส่วนกระเป๋าที่ติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วยก็ประมาณ 7-8 กิโล รับ boarding pass จากนั้นก็ได้เวลาก็ไปที่ security ตรวจสิ่งของที่จะขึ้นเครื่อง ต้องถอด นาฬิกา เครื่องประดับ เข็มขัด รองเท้าบูท เสื้อคลุม ผ้าพันคอ ถ้ามีมือถือ แท็ปเลท notebook ต้องนำออกจากกระเป๋า ใส่ถาดผ่านเครื่อง x-ray จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจ



ส่วนตัวเราก็ต้องผ่านเครื่อง x-ray เช่นเดียวกัน ช่วงนี้ก็จ้องของๆเราให้ดีๆ อย่าให้คนอื่นหยิบไป เพราะคนเยอะค่อนข้างวุ่นวาย
(แปลกใจมั๊ย สิ่งที่ต้องห้ามนำขึ้นเครื่อง เช่น ของเหลว เครื่องสำอางค์ ต้องรวมแล้วไม่เกิน 100 ml. แต่หลังจากผ่าน security แล้ว ไปเดินช็อปข้างในตามร้าน duty free ก็สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่จำกัด ไม่รู้เพื่อความปลอดภัยหรือรักษาผลประโยชน์ของร้านค้า duty free)


ดูที่ boarding pass จะบอกหมายเลข gate และเวลาขึ้นเครื่องไว้ ควรไปเดินใกล้ๆ gate เพราะถ้าเดินเพลินอาจจะต้องเหนื่อยวิ่งกลับมาที่ gate และเมื่ออยู่ที่สนามบินไหนก็ควรสังเกตุนาฬิกาและตั้งเวลาตามสนามบินนั้นๆเพื่อไม่ให้พลาดเที่ยวบิน (เพราะถ้าเราต้องมีการต่อเครื่องระหว่างทาง เวลาจะไม่ตรงกัน)
ที่สุวรรณภูมิ ถ้ามีเวลาเหลือมากก่อนขึ้นเครื่อง และมีบัตรเครดิตของ King Power สามารถไปนั่งรอที่ King Power lounge มีอาหารดีๆ ชา กาแฟ เครื่องดื่มไว้ต้อนรับ (SCB Visa King Power สีทอง ก็จะสามารถเข้าห้อง VIP – Platinum Card & Crown Member (ฝั่งซ้าย) หากท่านใดมีบัตร SCB Visa King Power สีเงินหรือบัตร King Power Member สีทอง ก็ใช้บริการแบบห้องธรรมดาได้ (ฝั่งขวา) อาหารจะน้อยกว่า)



        



เมื่อได้เวลาขึ้นเครื่องก็ไปที่ gate หมายเลขตามแจ้งไว้ใน boarding pass รอเรียกขึ้นเครื่อง ปกติก็จะมีแยก เป็น piority passenger กับที่นั่ง economy ซึ่งคนจะเยอะ คิวยาว แต่ก็ยังดี บางสนามบินมีช่องเดียว ก็ต้องยืนรอให้พวกที่จ่ายแพงขึ้นจนหมด


เที่ยวบินในครั้งนี้ KLM บินตรงถึง Amsterdam รวดเดียวไม่เปลี่ยนเครื่อง ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง บินออกจากสุวรรณภูมิ เวลา 12:05 น.  เสริฟอาหารหลัก 2 ครั้ง ก็สไตล์ฝรั่ง อร่อยดี


นั่งหลับบ้างตื่นบ้าง แต่พยายามจะหลับ เพราะมีแผนเที่ยวทันทีหลังจากเข้าที่พัก ดูหนังจบไป 3 เรื่อง 


และแล้วกัปตันก็นำเครื่องลงอย่างนิ่มนวลและปลอดภัย ที่ สนามบิน Schiphol ตรงตามหมายกำหนดการ 18:40 น. เวลาที่ Amsterdam ที่ช้ากว่าเมืองไทย 6 ชั่วโมง



จากสนามบิน นั่ง shuttle bus ไปโรงแรมที่จองไว้ Casa 400 ค่ารถคนละ 17 ยูโร ระหว่างทาง รถไปส่งลูกค้าคนอื่นด้วย เราเป็นกลุ่มสุดท้าย เลยได้ city tour เล็กๆไปในตัว



ถึงโรงแรมประมาณสองทุ่มกว่า รีบเช็คอินเพื่อจะออกไปเดินเที่ยว เพียงเรานำใบพริ้นท์ออกมาจาก booking.com ยื่นให้พร้อมบัตรเครดิต ก็เรียบร้อย



ตอนนี้ 3 ทุ่ม แต่ยังไม่มืด ต้องใช้เวลาให้คุ้ม เลยออกจากโรงแรมเดินไปสถานี Amsterdam Amstel ใกล้ๆโรงแรมเดินไม่ถึง 10 นาที ซื้อบัตร GVB 48 hours ราคา 12 ยูโร



ลงที่สถานี Amsterdam Centraal เป็นสถานีใจกลางเมืองและแหล่งท่องเที่ยว อากาศกำลังเย็นสบาย



เป็นย่านที่ชาวเมืองมานั่งทานกันสบายๆ มีร้านอาหารมากมายตามทาง



แวะซื้อ Kebab โอ อันเบ้อเริ่ม ทานหมดมั๊ยเนี่ย!!



เดินต่อไปจนถึง จัตุรัสแดม (Dam Square) คือที่ตั้งอนุสาวรีย์แห่งชาติเพื่อเป็นการระลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมีร้านอาหาร ร้านค้ามากมายรอบๆจัตุรัส มีชาวเมืองออกมานั่ง บางครั้งมีการแสดงโชว์กลุ่มเล็กๆ




เดินเตร็ดเตร่ไปจนถึงย่าน Red Light ชื่อดังของ Amsterdam (แบบไม่ได้ตั้งใจ อิอิ)






เกือบเที่ยงคืนละ อิอิ กลับดีกว่า เดินกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานี Amsterdam centraal ไปลง ที่ Amsterdam Amstel เดินกลับโรงโรมพักเอาแรงลุยต่อพรุ่งนี้ ... แวะซื้อเสบียงที่สถานีรถไฟ


หลับฝันดีค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น