วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

ตอนที่ 6 : DAY 4 มุ่งสู่ Berne Switzerland เมืองในฝัน

วันนี้ตื่นเช้าเตรียมเดินทางต่อ ให้ทางโรงแรมโทรเรียกแท็กซี่เพื่อไปยังสนามบิน Schiphol เพื่อเดินทางไปยัง เบิร์น เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ โดยสายการบิน Skywork ไปลงที่สนามบิน Bern






เบิร์น Bern มาจาก Baren ภาษาเยอรมัน หรือ แบร์น Berne ภาษาฝรั่งเศษ ในสวิตเซอร์แลนด์ใช้ทั้งภาษาเยอรมันและฝรั่งเศษในชีวิตประจำวัน ซึ่งภาษาอังกฤษคือ Bear หรือหมีนั่นเอง ที่มาของชื่อเมือง เกิดจากในอดีตผู้ครองเมืองชื่อ Duke Berchtold V of Zahringen ได้ออกล่าสัตว์และตั้งปณิธานไว้ว่าจะตั้งชื่อเมืองตามสัตว์ตัวแรกที่ล่าได้ ในที่สุดสัตว์ตัวแรกที่ล่าได้คือ หมี จึงได้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า "เบิร์น" เมื่อปี ค.ศ.1191  และยังมี "บ่อหมี" (Bear Pit) เป็นเอกลักษณ์สำคัญของเมืองเบิร์นด้วย

กรุงเบิร์นเป็นเมืองเก่าจากยุคกลางที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอาเรอ (Aare River) เบิร์นยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมและขึ้นทำเนียบเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) มาตั้งแต่ปี 1983 โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเสน่ห์ของเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี นับว่าเป็นเมืองโบราณเก่าแก่และโรแมนติก การเดินเที่ยวชมความงดงามของสถาปัตยกรรมในเขตเมืองเก่า ในปี 2010 เบิร์นถูกจัดให้เป็น 1 ใน 10 เมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุด

เมื่อถึงสนามบิน ประมาณ 13.45 น.ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง สามีของคุณหญิง Mr.Werner Reuteler ซึ่งเป็นชาวสวิสได้ขับรถมารับเราไปพักที่บ้าน ซึ่งเราจะอยู่ที่สวิส 2 คืน ประทับใจการต้อนรับของครอบครัวนี้มาก 



เมื่อไปถึงบ้านเราก็ได้ทานอาหารไทยเป็นมื้อเที่ยง ขนมจีนแกงเนื้อ กับผัดไทยกุ้งสด หลังจากอิ่มแล้ว คุณ Werner ได้ขับรถพาเราไปส่งที่ จุดแรกในการเดินชมเมือง คือ บ่อหมี


 ที่เห็นยอดแหลมๆนั้นคือ โบสถ์ Munster St. Vinzenz โบสถ์นี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่า โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ประจำเมืองของกรุงเบิร์น ซึ่งถือว่าเป็นโบสถ์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของ สวิตเซอร์แลนด์ด้วย โบสถ์มีลักษณะเป็นศิลปะแบบโกธิคยุคกลาง ได้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 ซึ่งการดำเนินการสร้างโบสถ์แห่งนี้กินเวลายาวนานไปจนถึงปี ค.ศ. 1573 เวลาประมาณ 150 ปีที่ใช้ไปนั้น สร้างได้เพียงแค่ตัวโบสถ์ ซึ่งมีความสูงประมาณ 64 เมตรเท่านั้น ต่อมาใน ปี 1889-1893 ก็ได้มีการต่อเติมสร้างส่วนที่เป็นหอคอยขึ้นจามีความสูงทั้งสิ้น 100 เมตร ถ้าใครมีเวลาหรือมีแรงมากพอทีจะขึ้นบันไดวนเพียงแค่ 285 ขั้น ก็สามารถเดินขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชม ทัศนีภาพของกรุงเบิร์นได้ แต่ช่วงนี้อยู่ระหว่างการบูรณะ






.

จากบ่อหมี ข้ามสะพาน Kirchenfeldbrucke ที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Aare แล้วเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนในย่านเมืองเก่า (Old Town) ที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆ ดอกไม้สวยๆ ให้ได้เดินทอดน่องชื่นชมความสวยงามอย่างมากมาย ทั้งตึกเก่าๆ และร้านรวงมากมาย ที่มีหลังคาหน้าร้านเป็นสีแดงยาวตลอดเส้นทางประมาณ 6 กิโลเมตร นอกจากนี้ก็มีรูปปั้นรูปต่างๆตลอดเส้นทางเดิน รวมไปถึงบ่อน้ำพุอีกหลายๆ บ่อ เป็นน้ำพุเล็กๆ ที่บนยอดนั้นจะมีรูปปั้นต่างๆ ประดับประดาอยู่ เชื่อกันว่าในสมัยก่อนนั้น ชาวบ้านก็จะใช้น้ำจากน้ำพุเหล่านี้ในการดื่มกินและใช้สอย เพราะสะอาดกว่าน้ำในแม่น้ำ









หอนาฬิกา Zytgloggeturm หรือ Zeitglockenturm หอนาฬิกานี้ใข้เป็นประตูเมืองแห่งแรก ของกรุงเบิร์น ในช่วงปี ค.ศ. 1191 ถึง 1256และเมื่อม ีการสร้าง Prison Tower ขึ้น จึงได้เปลี่ยน ไปใข้ Prison Tower เป็นประตูเมืองแทน ในสมัยก่อนนั้นตึกนี้ไม่ได้เป็นนาฬิกาอย่างทุกวันนี้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1530 จึงได้มีการติดตั้งนาฬิกาดาราศาสตร์
 Zytgloggeturm

Prison Tower





Tram



 ร้านขาย Victorinox มีดคุณภาพสวิส


Bundeshaus อาคารรัฐสภา หรือ House of Parliament


นัดคุณ Werner มารับที่สถานีรถไฟ

กลับบ้านพักผ่อน เตรียมตัวพรุ่งนี้  Interlaken - Jungfraujoch top of Europe - Thun 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น